ลูกค้าไม่เข้าร้านเลย,เปิดร้านใหม่คนไม่เข้า,ทำอย่างไรให้ลูกค้าเข้าร้านเยอะๆ,ค้าขายไม่ดีทำไง,วิธีแก้ขายของไม่ดี

จากข้อมูลที่มีการสืบค้นจาก google พบว่่า พ่อค้าแม่ขายหรือเจ้าของธุรกิจส่วนใหญ่ มักประสบปัญหาลูกค้าไม่เข้าร้าน,เปิดร้านใหม่คนไม่เข้า,ทำอย่างไรให้ลูกค้าเข้าร้านเยอะๆ,ค้าขายไม่ดีทำไง,วิธีแก้ขายของไม่ดี จึงพยายามหาคำตอบหรือวิธีการที่จะทำให้ลูกค้ามาซื้อสินค้าหรือบริการร้านเยอะๆ  วันนี้ผู้เขียนจึงรวบรวม แนวคิดและวิธีการที่น่าสนใจ มาให้ลองพิจารณาดู ดังนี้

1. ทำให้ลูกค้ารู้จักเราก่อน        ก่อนที่เราจะทำให้ลูกค้ารู้จัก คงต้องถามตัวเองก่อนว่า "ลูกค้าเราคือใคร?" และ "มีวิธีการที่จะทำให้ลูกค้ารู้จักเราได้อย่างไร"
        1.1) ลูกค้าเราคือใคร
               ลูกค้าคือคนที่จะมาซื้อสินค้าหรือใช้บริการจากเรา ดังนั้น การกำหนดกลุ่มเป้าหมายก็ต้องพิจารณาจากสินค้าเราเป็นหลัก เช่น สมมุติว่าสินค้าของเราคือหญ้าเนเปียร์สับ กลุ่มเป้าหมายลูกค้าของเราก็คือ ผู้เลี้ยงวัว ม้า แพะ แกะ ฯลฯ ที่ต้องใช้หญ้าเนเปียร์สับเป็นอาหารสัตว์  การเจาะกลุ่มลูกค้าจึงมุ่งเน้นไปที่ กลุ่มผู้เลี้ยงสัตว์หรือ เกษตรกรที่ทำการปศุสัตว์ ที่ใช้สินค้าของเราเป็นหลัก  หรือถ้าสินค้าเราเป็นธงชายหาด กลุ่มลูกค้าเราคือ ร้านค้าเกี่ยวกับรถยนต์หรือโชว์รูมรถยนต์ เป็นต้น ส่วนสินค้า/บริการที่ไม่จำเพาะเจาะจงกลุ่มลูกค้า เช่น ร้านอาหาร,ร้านกาแฟ เราสามารถทำการโฆษณาประชาสัมพันธ์เป็นการทั่วไปได้เลย โดยวิธีการที่จะทำให้ลูกค้ารู้จักจะกล่าวถึงในหัวข้อต่อไป
       1.2) มีวิธีการที่จะทำให้ลูกค้ารู้จักเราได้อย่างไร
              เมื่อเรารู้แล้วว่า ลูกค้าเราเป็นใคร ขั้นตอนต่อไป คือ การโฆษณา ประชาสัมพันธ์ร้านของเราให้เป็นที่รู้จัก โดยมีวิธีการแยกเป็น 2 วิธี คือ
              A) วิธีการสำหรับผู้ที่มีความถนัดด้านเทคโนโลยีและสื่อสังคมออนไลน์
                   1.google map อาจไม่ใช่เครื่องมือในการประชาสัมพันธ์โดยตรงแต่เป็นจุดเริ่มต้นที่จะทำให้ลูกค้าสามารถเข้าถึงร้านค้าและบริการของเราได้  โดยเราสามารถแชร์สถานที่ให้ลูกค้าเดินทางมาหาเราได้อย่างถูกต้องแม่นยำ  สำหรับวิธีการพล็อตแผนที่ร้าน ก็ไม่ได้ยุ่งยากจนเกินที่จะเข้าใจได้ ลองดูตัวอย่างตามลิงค์ https://youtu.be/nwP1D74twKw  นอกจากนี้ การสร้างคีย์เวิร์ดตอนพล็อตแผนที่ ก็ช่วยให้เราทำการตลาดออนไลน์ได้เช่นกัน เช่น  ฟาร์มเราซื้อ-ขายแพะแกะ ในการพล็อตแผนที่ของฟาร์ม เพื่อให้ลูกค้าเดินทางมายังฟาร์มได้ถูกต้อง เราก็จะสร้างชื่อแผนที่ "จำหน่วย-รับซื้อแพะแกะ;ฟ้าใสฟาร์ม" เป็นต้น โดยการเลือกใช้คำที่เป็นคีย์เวิร์ดควรพิจารณาจากข้อมูลจากการค้นหาของ google ว่าคนค้นหายใช้คำที่เป็นทางการหรือไม่อย่างไร
                   2. facebook  ปัจจุบัน Facebook ถือเป็นเครื่องมือในการทำการตลาดออนไลน์ที่ทรงพลังมากที่สุด โดยประเภทการใช้งานของ facebook แบ่งออกเป็น 3 รูปแบบหลักๆ คือ 1. Profile 2. Group หรือ กลุ่ม 3. Fanpage เราสามารถทำให้ลูกค้ารู้จักเราผ่านทาง 3 ช่องทางของ facebook เช่น  สมมุติว่าสินค้าเราคือหญ้าเนเปียร์สับ เราต้องการให้ลูกค้ารู้จักและซื้อหญ้าเนเปียร์จากเราผ่านทาง facebook เราก็สามารถเพิ่มเพื่อน จาก facebook profile โดยเลือกเพิ่มจากบุคคลหรือฟาร์มที่เป็นกลุ่มเป้าหมาย จากนั้นเข้าร่วมกลุ่มที่เป็นลูกค้าของเรา เช่น กลุ่มผู้เลี้ยงวัว กลุ่มผู้เลี้ยงม้า กลุ่มผู้เลี้ยงแพ แกะ ที่สามารถโพสโฆษณาประชาสัมพันธ์หญ้าเนเปียร์ได้  สุดท้ายสร้างเพจเพื่อขายสินค้าที่เป็นแบรนด์ของเรา โดยในการสร้าง fanpage สามารถแทรกการตลาดออนไลน์ได้ คือ ตั้งชื่อเพจที่มีคีย์เวิร์ด เช่น "จำหน่ายหญ้าเนเปียร์สับ,บุญมีฟาร์ม" เป็นต้น
                   3.Line
                   4.instagram
                   5.youtube
              B) วิธีการสำหรับผู้ที่ไม่ถนัดด้านเทคโนโลยีและสื่อสังคมออนไลน์
                   1.แผ่นพับ/ใบปลิว
                   2.ป้ายไวนีล
                   3.ธงโฆษณา,ธงญี่ปุ่น
                   4.ท่อผ้า,ตุ๊กตาโบกมือ
                   5.รถแห่โฆษณาประชาสัมพันธ์ ส่วนตัวแล้วไม่คิดว่าการ
2. สร้างแบรนด์หรือตราสินค้าที่น่าจดจำ
3. สร้างสินค้าและบริการที่มีคุณภาพ
4. สร้างจุดเด่นในตัวสินค้า/บริการ
5. ใส่ใจกับลูกค้าเก่าและแสวงหาลูกค้าใหม่